Search
Close this search box.

ซาปา เวียดนามเหนือ ตอนที่ 1/4

Facebook
Twitter
LinkedIn

ซาปา เวียดนามเหนือ ทริปนี้ เดินทางกัน 4 คนนะครับ ผม ภรรยา ลูกชาย และ ลูกสาว เราเน้นความปลอดภัยในการเดินทางเป็นหลัก เราจึงทำการจองรถโดยสารและโรงแรมต่าง ๆ ในระบบออนไลน์ไปก่อนล่วงหน้า เรื่องการท่องเที่ยวในซาปานั้น เราไม่ได้จองทัวร์ใด ๆ ไว้เลย เพราะจากการอ่านรีวิวเกี่ยวกับการเที่ยวซาปา นั้นจะสนุกหรือไม่ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศด้วย เราจึงอยากเห็นสภาพอากาศก่อนแล้วค่อยเลือกสถานที่นะครับ บริษัทต่าง ๆ ที่ผมอ้างถึงคือบริษัทที่ผมใช้บริการ การรีวิวนี้ไม่ได้มีส่วนได้เสียใด ๆ กับบริษัททั้งหมดที่ผมจะกล่าวถึงนะครับ

เราวางแผนโดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ในช่วงเย็น เวลา 18.25 น. ถึงสนามบินโหน่ยบาย ที่เมืองฮานอย ในเวลา 20.25 น. ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อที่จะไปต่อรถที่เราจองไว้ล่วงหน้า แล้วเดินทางต่อไปซาปาทันที โดยผมได้กำหนดแผนการท่องเที่ยวไว้ดังนี้ครับ

ซาปา แผนท่องเที่ยว

ซาปา..แลกเงินที่ไหน

ผมได้อ่านรีวิวเกี่ยวกับการแลกเงิน มีหลายท่านแนะนำว่าให้แลกเป็น US$ ไป แล้วไปแลกเงินเวียดนาม (VND) จะได้ Rate อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า แต่ผมเกรงว่าจะไม่มีเวลามากพอ เพราะต้องต่อรถบัสไปซาปาทันทีที่เครื่องลง จึงตัดสินใจแลกเงินเวียดนามไว้ก่อนส่วนหนึ่งกับร้านแลกเงิน SupperRich  เมกะบางนา ซึ่ง Rate ในวันที่แรก 1 VND = 0.00138 บาท อ้อ!! ตอนไปแลกเงินให้นำ Passport ไปด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากรอกเอกสาร เจ้าหน้าที่จะนำ Passport ไปถ่ายเอกสารแล้วแนบกับแบบฟอร์มขอแลกเงินครับ แต่ถ้าไม่ได้นำไปก็ต้องกรอกเอกสารเล็กน้อยครับ (ถ้าคิวเยอะ ก็น่าจะเดินเข้าไปขอเอกสารมากรอกก่อนได้เลย)

จอดรถอย่างสบายใจ..ก่อนไปซาปา

มีสถานที่รับฝากรถเอกชนอยู่บริเวณตรงข้ามท่าอากาศยานดอนเมือง (คนที่ขับรถไป) เข้าทางซอยสำนักงานเขตดอนเมือง สามารถจองที่จอดรถผ่าน Application ที่มีชื่อว่า ที่จอดรถ.com (ผมใช้ Andriod นะครับ IOS ไม่แน่ใจ) แค่ Download App แล้วก็จองผ่าน App ได้เลยครับ เท่าที่รู้ราคาถูกกว่านำไปจอดที่สนามบินดอนเมือง (ผมไม่เคยใช้บริการของสนามบินนะครับ แต่สอบถามจากเพื่อน ๆ เอา)

เมื่อจองผ่านระบบเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะส่งค่าบริการกับเลขที่บัญชีผ่านระบบ Chat ของ App เมื่อโอนเงินเสร็จแล้ว เราก็ส่งหลักฐานการโอนเงินกลับไปทาง Chat หลังจากนั้นจะมีข้อความยืนยันพร้อมส่งแผนที่จุดจอดรถของเรากลับมาให้ (มีหลายลานจอดครับ) เรายังสามารถดูรถของเราผ่านกล้องวงจรปิดของทางผู้ให้บริการได้ด้วยนะครับ

เมื่อเราจอดรถเสร็จ จะมีเจ้าหน้าที่มารับกระเป๋าขึ้นรถ VAN ที่ผมเคยใช้บริการจะเป็นยี่ห้อ โฟล์คสวาเกน และให้บัตรจอดรถไว้ (ต้องคืนวันกลับ) รถออกทันทีเมื่อเราจอดรถเสร็จ ใช้เวลาไปส่งที่สนามบินไม่เกิน 15 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร ส่วนขากลับเมื่อเครื่องลง ระหว่างรอกระเป๋าก็โทรบอก เจ้าหน้าที่ก็จะออกมารับ ส่วนจุดรับนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบ ส่วนมากจะต้องขึ้นไปชั้นขาออก เพราะอาจจะมาส่งผู้โดยสารท่านอื่นครับ

เที่ยวซาปา ต้องบินไปฮานอย

ซาปา เป็นเมืองที่ตั้งอยู่เวียดนามเหนือ จึงต้องบินไปลงที่ฮานอย ผมเดินทางโดยสายการบิน AirAsia จากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบิน Noibai International Airport (HAN) จองเดือนกุมภาพันธ์ เดินทางเมษายน ซึ่งราคาผมไม่กล่าวถึงนะครับ

สิ่งที่ผมจะเน้นคือ ที่สนามบินดอนเมือง หากเราเช็คอินออนไลน์ และ พิมพ์ใบบอร์ดดิ้งพาส (กระดาษ A4) มาแล้ว และไม่โหลดกระเป๋า สามารถเดินผ่านไปยัง ตม. ได้เลยนะครับ แต่…………….. ขากลับจากเวียดนามต้องนำใบบอร์ดดิ้งพาส (กระดาษ A4) ไปแสดงตนที่เคาน์เตอร์เพื่อตรวจสอบเอกสาร และแลกใบบอร์ดดิ้งพาสที่เป็นกระดาษแข็งมาเท่านั้น มิเช่นนั้นอาจจะโดนเจ้าหน้าที่ ตม. ไล่ให้ไปขอมาใหม่ ซึ่งใช้เวลานานมากกกก แต่จริง ๆ แล้วในบอร์ดิ้งพาส (A4) ก็มีเขียนไว้นะครับว่าต้องไป Verify เอกสารก่อน แต่ก็งงว่าทำไมที่ดอนเมืองไม่ต้องทำ

ซาปา Airasia-Boarding-Pass

จองรถบัส..นอนไปซาปา

เรื่องรถไปซาปานั้น ผมมีเงื่อนไขในการจองคือ ผมจะลงเครื่องเวลา 20.20 ใช้เวลาผ่าน ตม. สัก 30 นาที จะสามารถออกจากสนามบินได้ในเวลา 21.00 โดยประมาณ รถทั่วไปที่ออกจาก Old quarter ฮานอย ก็จะอยู่ที่ประมาณ 22.00 น. ถ้าผมต้องเข้าเมืองฮานอยเพื่อไปขึ้นรถนั้นอาจจะไม่ทันเวลา จึงต้องหารถที่มารับที่สนามบิน ผมได้พยายามติดต่อไปหลายบริษัท โดยขอดูภาพของรถ รายละเอียดการมารับที่สนามบิน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตลอดจนจุดนัดพบ (เรื่องเยอะ 5555 เนื่องจากเน้นความปลอดภัยและความสบายใจ) ผมจะเล่าให้ละเอียดตามนี้นะครับ

บริษัทแรกที่ติดต่อคือ Bookaway.com เป็นเอเจนซี่การจองต่าง ๆ มีรูปประกอบเกี่ยวกับรถบัสชัดเจนว่าเป็นรถแบบไหน บริษัทอะไร มีรอบกี่โมง มารับที่สนามบินได้หรือไม่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ผมจึงจองกับที่นี่ผ่านระบบออนไลน์ ให้เราชำระเงินผ่านบัตรเครดิต แล้วระบบจะเมล์แจ้งว่าให้รอยืนยันอีกครั้งหนึ่ง (เนื่องจากเป็นเอเจนซี่ ซึ่งเค้าต้องไปจองให้เราอีกทอด) ผ่านไป 1 สัปดาห์ มีเมล์แจ้งกลับว่า “ยกเลิกการจอง” เนื่องจากที่นั่งเต็ม และจะคืนเงินให้เราผ่านบัตรเครดิตไม่เกิน 10 วันทำการ (เซ็งเลย)

เช็คอินโรงแรมในฮานอย

ผมจึงรีบหารถไปซาปาในเวลาเดิม จึงลองติดต่อตรงไปที่บริษัทที่เห็นรูปรถในเว็บ Bookaway.com เนื่องจากลูก ๆ ชอบ แต่…การให้ข้อมูลของบริษัทเหมือนไม่เต็มใจจะขายให้เราสักเท่าไหร่ ขอดูรูปรถก็บอกว่าไม่มี ถามเรื่องมารับที่สนามบินก็ไม่ตอบ แต่กลับบอกเงื่อนไขของบริษัทให้เราทราบแทน เช่น ที่นอนเราเล็กไม่เหมาะกับคนตัวสูง ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าเท่านั้น เมื่อเราถามกลับไปอีกครั้ง ได้คำตอบว่า “ผมไม่ขายคุณแล้ว”

บริษัทที่ 3 คือ Andy NoiBai Airport Service Company (ANBASCO) จองผ่านเว็บเช่นกัน มีการให้ข้อมูลค่อนข้างละเอียด แสดงรูป บอกเวลา และจุดนัดหมายชัดเจน แต่ค่าบริการแอบสูงกว่าบริษัทก่อนหน้านี้เล็กน้อย โอนตังผ่านเว็บด้วยบัตรเครดิตเช่นกัน ผมจองกับบริษัทนี้ครับที่ noibaiservices.com

ซาปา Noibaiservices-website
noibaiservices.com
ซาปา ANBASCO-Noibaiservices-booking-confirm
ใบยืนยันการจอง
ซาปา Noibai-services-pick-up-point
จุดนัดพบ

หลังจากนั้นอีกสองวัน ผมได้รับเมล์จาก Bookaway.com (บริษัทแรก) ว่าจองรถได้แล้ว (ตอนนั้นยังไม่ได้เงินคืน) ผมจึงเข้าเว็บ ไป Chat โดยตรงกับเจ้าหน้าที่ว่าเราได้รับเมล์ว่ายกเลิกการจองของเรา เราจึงจองที่ใหม่เรียบร้อยแล้ว เค้าแจ้งว่านั่นคือเมล์อัตโนมัติที่ระบบส่งมา ผมจึงบอกว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับเรานะ สุดท้ายบริษัทยอมคืนเงินเข้าบัตรเครดิตให้เราทั้งจำนวน แต่ก็ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนไปประมาณ สองร้อยกว่าบาท จบกันด้วยดี

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมผมไม่จองโดยตรงกับบริษัทรถบัส ซึ่งมีหลายบริษัท ไม่ว่าจะสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งผมได้พยายามแล้ว แต่เว็บส่วนใหญ่เป็นภาษาเวียดนาม ทำให้ไม่มั่นใจในข้อมูล เพราะผมไม่ต้องการเข้าเมืองฮานอย และเวลาถามผ่าน Chat มักจะไม่ได้ค่อยตอบ ผมจึงติดต่อผ่านเอเจนซี่ครับ แต่ถ้าไปอีกคงรู้แล้วล่ะครับว่าจะทำยังไง

ตัดภาพมาที่การเดินทางครับ เครื่องเราลงก่อนเวลาเล็กน้อย ใช้เวลาผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองง่ายมาก ๆ ไม่ต้องเขียน Arrival Card ใช้ Passport อย่างเดียว เจ้าหน้าที่ ตม. ไม่ถามอะไรเลย ใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 10 นาที (ผมแวะเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ)

ซาปา ซื้อ SIM Card ที่ไหน

เมื่อออกมาที่โถงขาเข้า ภารกิจแรกคือซื้อ SIM Card จากการอ่านรีวิวของคนอื่นแนะนำ Viettel เลือกซื้อได้เลยครับ มีร้านขายเต็มไปหมด แจ้งจำนวนวันที่เราอยู่ที่นั่น พนักงานจะเสนอ package ต่าง ๆ ให้ ผมแจ้งว่าอยู่ 5 วัน พนักงานเสนอมาในราคา 200,000 VND คิดเป็นเงินไทยประมาณ 300 บาท (คิดเสียว่า 10,000 VND = 15 บาท) ไม่ต้องใช้ Passport หรือลงทะเบียนใด ๆ ทั้งสิ้น ยื่นเงินและโทรศัพท์ให้พนักงาน เมื่อเปิดเครื่องก็ใช้ได้เลยครับ

รอรถไป…ซาปา

เราก็เดินต่อไปยังจุดนัดคือ Terminal 2 Column no. 10 (น่าจะหมายถึงเสาหมายเลข 10) ก่อนเวลาเดินทางครึ่งชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่มารับ

22.00 น. ที่เสาหมายเลข 10  มีชายชาวเวียดนามร่างเล็กถือป้ายชื่อเดินมาที่จุดที่เรานั่งรอ เรารีบแสดงตัว ชายคนนั้นพูดภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น ว่า wait 15 min. แล้วเค้าก็ชูป้ายชื่ออีกอันให้เราดู แล้วก็ออกท่าทางพอจะเดาได้ว่าจะไปรับอีกคนข้างใน ให้เรานั่งรอที่นี่ ตอนนั้นสบายใจแล้วว่ามีคนมารับ แต่เราก็ยังไม่แน่ใจว่า รถบัสจะออกจากสนามบิน 22.30 เนี่ย คือรถบัสจะมารับเราที่นี่เลย หรือ ชายหนุ่มคนนั้นจะพาเราขึ้นรถเล็กไปส่ง ณ จุดขึ้นรถบัส ซึ่งเราพยายามถามเค้า เค้าก็พูดได้แค่ว่า wait wait

22.15 น. ชายคนดังกล่าวเดินกลับมาแล้วพูดว่า OK follow me. ทุกคนดีใจได้ขึ้นรถแล้ว (เดินตามไปก็ยังไม่รู้นะว่าไปขี้นรถบัส หรือเค้าจะให้ขึ้นรถเล็กแล้วไปส่ง แต่อย่างน้อยก็ได้เคลื่อนย้าย) เราเดินจากเสาหมายเลข 10 ไปถึงเสาหมายเลข 3 ชายคนนั้นหันกลับมาบอกว่า wait here, someone will pick you แล้วส่งป้ายชื่อให้เราถือแทน แล้วเค้าก็เดินจากไปทางลานจอดรถ ซึ่งในขณะนั้นเราก็ยังงงว่า ตกลงนายไม่ได้มารับเราเหรอ แล้วนายเป็นใครกันแน่?

22.30 เรายังนั่งอยู่ที่เสาเบอร์ 3 โดยไม่กล้าเคลื่อนย้ายไปไหน แล้วก็เป็นคนถือป้ายชื่อตัวเราเอง หันไปหาทุกคนที่เป็นคนเวียดนาม ว่าใช่คนที่จะมารับเราหรือเปล่า …(ก็ฮา….ดีนะ) ตอนนั้น แต่ใจคอเริ่มไม่ดี

22.40 ชายคนดังกล่าวเดินกลับมา ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียง 10 นาที แต่ในช่วงเวลานั้นมันช่างยาวนานซะเหลือเกิน ประกอบกับชายคนดังกล่าวเดินมาหาด้วยอาการกระหืดกระหอบ แล้วพูดคำแรกว่า Sorry…………….. แล้วก็หยุด (ตอนนั้นหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว) แล้วก็ทำมือให้เรานั่งลงพร้อมกับพูดว่า Sit up Sit up (นี่มันใช่เวลาออกกำลังกายมั้ย) แล้วก็บอกว่า The bus is late, wait for 5 minitue แล้วก็บอกว่า don’t worry พร้อมกับชี้มือไปทางหญิงชาวเอเชียคนหนึ่งกับชายชาวยุโรปที่มาด้วยกัน แล้วพูดว่า more more (น่าจะบอกเราว่าสองคนนั้นก็ไปซาปาเหมือนกัน) แล้วชายผู้นั้นก็วิ่งกลับไปทางเดิมที่วิ่งมา อะไรว๊ะเนี่ยยยยยย

ผมเฝ้ามองชายหญิงคู่นั้นตลอด ว่ามีใครจะมารับพวกเขาหรือไม่ ทันใดนั้นมีชายอีกคนวิ่งมาที่ที่เธอ ผมก็รีบเดินเข้าไปทันที ชายดังกล่าวยื่นเอกสารใบเล็ก ๆ ให้เธอ แล้วก็วิ่งจากไป (คิดว่ากลับไปเสาต้นที่ 10 ที่นัดเราไว้) โดยไม่สนใจผมเลย ผมจีงตัดสินใจถามเธอไปว่า Are you going to SAPA? เธอตอบพร้อมรอยยิ้มว่า Yes ผมจึงนำป้ายชื่อของผมแสดงให้เธอดู แล้วถามว่า Are you booking the bus with this company? เธอตอบว่า No ครับ…………… เครียดอีกแล้ว

ระหว่างที่คุยกับหญิงเอเชียคนนั้น ชายคนเดิม (ที่ยื่นบัตรให้ผู้หญิง) ก็วิ่งกลับมา แล้วมองมาที่ผม ผมจึงแสดงป้ายชื่อผมให้เค้าดู รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของชายคนนั้น แล้วก็พูดว่า Okay, this is your tickets พร้อมส่งกระดาษใบเล็ก ๆ ที่มีชื่อผม และระบุจำนวนผู้โดยสารไว้ โอ้ว พระเจ้ามันอะไรกันนี่!!!!! แล้วชายร่างเล็กคนแรกที่มารับเรา และพูดอังกฤษไม่ได้ เค้าคือใคร แล้วทำไมเค้ามีป้ายชื่อเรา (งง มากตอนนี้)

เราทุกคนจึงเดินตามชายคนนี้ไปขึ้นรถบัสที่จอดไว้ตรงลานจอด เค้าพูดภาษาอังกฤษได้ดี ระหว่างทางเดินไปผมจึงถามไปว่านี่คุณมาจากบริษัท ANBASCO ใช่หรือไม่ เขาตอบว่าไม่ใช่ เขาคือพนักงานของบริษัท Green Bus ส่วน ANBASCO คือบริษัทขายตั๋ว ตอนนี้ถึงบางอ้อ ชายคนแรกคือคนของบริษัทที่รับจองตั๋วจากเรา (เอเจนซี่) แล้วไปจองรถบัสและเป็นผู้ประสานงานทั้งหมดให้เรา แล้วก็มารับเราก่อน เพื่อส่งให้เราขึ้นรถบัส (มาทำให้เราตื่นเต้นจริง ๆ)

บรรยากาศบนรถไปซาปา

ลักษณะของที่นั่งในรถบัส เป็นสามแถว แต่ละแถวมีสองชั้น เราจองไว้ชั้นล่างเพราะอ่านรีวิวมาว่า นั่งข้างบนจะเวียนหัว ก่อนขึ้นรถต้องถอดรองเท้าใส่ถุงที่เตรียมไว้ให้ (หลายคนบอกว่าต้องเตรียมยาดมไว้ด้วย แต่ของผมผ่านครับไม่มีกลิ่นใด ๆ เลย) รับน้ำคนละขวดไว้ดื่มระหว่างทาง มีผ้าห่มให้คนละผืน นอนยาวไป แวะพักจอดรถที่จุดพักรถ 15 นาที ใครจะเข้าห้องน้ำก็ต้องหิ้วรองเท้าตัวเองลงไป แต่ทางรถก็เตรียมรองเท้าสาธารณะไว้ให้ข้างรถนะครับ อ้อ!! รถที่นี่จะเปิด-ปิดแอร์ เป็นระยะ ไม่เปิดตลอดนะครับ นั่งด้านล่างตอนกลางแบบผมจะร้อนหน่อยครับ เพราะช่องแอร์จะอยู่ด้านบนหลังคา และด้านข้าง

ถึงซาปา เมืองในหมอก

รถวิ่งประมาณ 5-6 ชั่วโมง ขับไม่เร็ว เราถึงซาปาเวลา 03:44 นาที ก็จะดับเครื่องเลยครับ ให้เรานอนต่อจนถึง 6.00 น. แล้วก็จะเรียกให้ลงจากรถ เมื่อลงรถก็จะพบชาวพื้นเมืองมารอขายทัวร์ Trekking หรือ Home stay พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากครับ ถ้าเราจองมาแล้วก็เพียงแค่ยิ้มแล้วบอกว่าเราจองมาแล้ว พวกเธอก็จะยิ้มแล้วจากไปอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยภาพรวมแล้วน่ารักครับ เค้าทำหน้าที่ของเค้า เราทำหน้าที่ของเรา ไม่ถือว่าเป็นการรบกวนครับ

โรงแรมที่ผมจองไว้ชื่อว่า Phuong Nam Hotel (เฟิ่งนามโฮเทล) ดูข้อมูลจาก Booking.com ครับ อ่านจากรีวิวต่าง ๆ เห็นว่ามีคะแนนค่อนข้างสูงครับ

ดูแผนที่ตั้งโรงแรมว่าไม่ไกลเกินกว่าจุดศูนย์กลางของซาปา คือ ลานกิจกรรมนั่นเอง จองไว้สองคืนครับคือ วันที่ 13 และ 14 เมษายน จองกับ Booking.com ยังไม่ต้องชำระเงินครับ ไปชำระที่โรงแรมตอน Check out เลย แต่ที่สำคัญคือก่อนไปต้องยืนยันอีกครั้งนะครับเพื่อความแน่ใจ แต่กรณีของผมทางโรงแรมส่งเมล์มาถามช่วงต้นเดือนเมษายน ว่ายังยืนยันการจองหรือไม่ ซึ่งผมก็ตอบไปว่ายืนยันครับ ทำให้เราสบายใจมากขึ้นว่ามีที่พักแน่นอน

เพื่อน ๆ สามารถค้นหาที่พักที่ถูกใจได้จากแผนที่ต่อไปนี้ครับ



Booking.com

เราเดินทางถึงซาปา ในวันที่ 13 เมษายน ช่วง 6 โมงเช้า ซึ่งยังไม่สามารถเช็คอินได้ครับ พนักงานโรงแรมให้เราเก็บกระเป๋าไว้ในห้องด้านหลังเคาน์เตอร์ สามารถอาบน้ำ หรือล้างหน้าล้างตาได้ครับ และเนื่องจากเช้าวันที่ 15 เราจะเช็คเอ้าท์ออกตั้งแต่ 6.00 น. ซึ่งจะไม่ได้ทานอาหารเช้าในวันนั้น ผมจึงขอสลับมาทานอาหารเช้าวันนี้แทน ซึ่งทางโรงแรมก็ยินดีสลับให้ครับ น่ารักมาก ๆ

แล้วพวกเราก็ออกไปเที่ยวกันครับ วันนี้ดูแล้วอากาศดี ฟ้าโปร่ง เราจะไปขึ้นเขาฟานซิปัน ตาม Link ด้านล่างครับ




Booking.com


ตอนที่ 2 ขึ้นเขาฟานซิปัน ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินโดจีน

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เมื่ออนาคตไล่ล่าเรา

สำนักงานจัดหางานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดอบรมพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแนะแนวให้กับครูแนะแนวในจังหวัด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567

ฉากทัศน์สังคมการทำงานของไทยก่อนปี 2030

“ฉากทัศน์สังคมการทำงานก่อนปี 2030” กองส่งเสริมการมีงาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ณ โรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน รัชดาภิเษก วันที่ 14 มีนาคม 2567