ซาปา เวียดนามเหนือ ทริปนี้ เดินทางกัน 4 คนนะครับ ผม ภรรยา ลูกชาย และ ลูกสาว เราเน้นความปลอดภัยในการเดินทางเป็นหลัก เราจึงทำการจองรถโดยสารและโรงแรมต่าง ๆ ในระบบออนไลน์ไปก่อนล่วงหน้า เรื่องการท่องเที่ยวในซาปานั้น เราไม่ได้จองทัวร์ใด ๆ ไว้เลย เพราะจากการอ่านรีวิวเกี่ยวกับการเที่ยวซาปา นั้นจะสนุกหรือไม่ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศด้วย เราจึงอยากเห็นสภาพอากาศก่อนแล้วค่อยเลือกสถานที่นะครับ บริษัทต่าง ๆ ที่ผมอ้างถึงคือบริษัทที่ผมใช้บริการ การรีวิวนี้ไม่ได้มีส่วนได้เสียใด ๆ กับบริษัททั้งหมดที่ผมจะกล่าวถึงนะครับ
เราวางแผนโดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ในช่วงเย็น เวลา 18.25 น. ถึงสนามบินโหน่ยบาย ที่เมืองฮานอย ในเวลา 20.25 น. ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อที่จะไปต่อรถที่เราจองไว้ล่วงหน้า แล้วเดินทางต่อไปซาปาทันที โดยผมได้กำหนดแผนการท่องเที่ยวไว้ดังนี้ครับ
ตอนนี้เป็นการรีวิวการท่องเที่ยวในเมืองซาปา ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเดินทางนะครับ หากท่านใดต้องการอ่านรายละเอียดการเดินทางมาที่ซาปา คลิ๊กที่ปุ่มด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ตอนที่ 1 ออกจากบ้าน มาจนถึง..ซาปา
หลังจากที่เราล้างหน้าหน้าตา ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม (ยังเช็คอินไม่ได้) และรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ดูท้องฟ้าวันนี้โปร่งใส จึงตัดสินใจขึ้นเขาฟานซิปันทันทีในช่วงเช้านี้ อย่างที่บอกไว้ว่า เราไม่ได้วางแผนการท่องเที่ยวใด ๆ มาเลยเนื่องจากต้องการมาดูสภาพอากาศก่อน
มา..ซาปา เวียดนามเหนือ ต้องขึ้นเขาฟานซิปัน
เขาฟานซิปัน เป็นจุดสูงสุดของอินโดจีน การเดินทางขึ้นของพวกเราก็คงจะต้องอาศัยยานพาหนะครับ ปัจจุบันนี้มีรถไฟจากเมืองไปยังสถานีเคเบิลคาร์ โดยจะต้องไปขึ้นที่ Sun Plaza ซึ่งอยู่บริเวณลานกิจกรรมใหญ่ของเมืองนั่นเอง (ที่รู้นี่เพราะถามพนักงานโรงแรม) เราเดินจากโรงแรมที่พักไปยัง Sun Plaza ระยะทางเดินก็สักประมาณ 5 นาทีครับ แต่ช่วงที่ไป (เมษายน 2562) กำลังทำถนน เดินยากหน่อยครับ ประกอบการสภาพการจราจรของประเทศเวียดนามที่เราไม่คุ้นเคย (ขับรถชิดขวา บีบแตรตลอดทาง ขับแซงสวนทางไปมา)
ค่าบัตรโดยสารไป-กลับยอดเขาฟานซิปัน คนละ 820,000 VND (10,000 VND = 15 บาทโดยประมาณ) จ่ายบัตรเครดิตไป สามล้านกว่า (จะได้ไม่ต้องนับแบงค์)
ฟานซิปัน ขาขึ้น
- ช่วงที่ 1 คือการนั่งรถไฟจากอาคาร Sun Plaza ขึ้นไปยังสถานีเคเบิลคาร์ด้านล่าง
- ช่วงที่ 2 นั่งเคเบิลคาร์จากสถานีด้านล่างขึ้นไปสถานีด้านบน เมื่อถึงสถานีด้านบน อากาศจะเริ่มเย็น ลมแรงมาก ตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ 13 องศา (วันที่ 13 เมษายน 2562) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วยนะครับ
- ช่วงที่ 3 ต้องเดินขึ้นบันไดเล็กน้อยเพื่อไปนั่งรถรางขึ้นไปจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาฟานซิปัน
ฟานซิปัน ขาลง
- ช่วงที่ 4 เดินลงบันได 600 ขั้น (ลงรถรางไม่ได้ ผมลองไปยื่นดูแล้วโดนดุเป็นภาษาเวียดนาม) เดินลงไม่ยาก มีจุดพักผ่อนเป็นระยะ (แต่ถ้าผู้สูงอายุอาจจะลำบากนะครับ ) ทำให้เราได้เก็บภาพสวย ๆ ตลอดเส้นทาง
- ช่วงที่ 5 นั่งเคเบิลคาร์จากสถานีด้านบนลงมาสถานีด้านล่าง และ
- ช่วงที่ 6 นั่งรถไฟที่จุดที่เราขึ้นมา มายังสถานี Sun Plaza
ฟานซิปัน ต้องขึ้นตอนเช้าหรือไม่?
ผมไปซื้อตั๋วที่ Sun Plaza เวลา 8:30 โดยประมาณ ในวันที่ 13 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันเสาร์ จะมีคณะทัวร์จากหลายประเทศ รวมทั้งคนท้องถิ่นมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทุกจุดต่อ จะต้องใช้เวลาเข้าคิวค่อนข้างนาน ต้องใจเย็นและอดทนพอสมควร เพราะจะถูกเบียดตลอดเวลา เห็นได้จากภาพที่อยู่ในเคเบิลคาร์ว่าคนเต็มมาก ผมใช้เวลาเดินเที่ยว พักเหนื่อย เข้าคิว แวะถ่ายรูปทุกจุดที่เห็นว่าสวย คือ ไม่รีบเลยครับ กลับลงมาถึงสถานีรถไฟด้านล่างที่ Sun Plaza เวลา 13.30 น. แต่ตอนขาลงมาสังเกตได้ว่า คนขึ้นน้อยมาก (แน่สิ เพราะแย่งกันขึ้นไปตั้งแต่เช้าแล้ว) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนะครับ ไม่จำเป็นต้องขึ้นเช้าก็ได้ แต่ขาลงเค้าปิดเวลา 17.00 น. (เช็คเวลาอีกทีนะครับ) ถ้าเย็นมากก็จะมีเวลาเดินเที่ยวถ่ายรูปน้อย แล้วก็ไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าลงมาไม่ทันจะทำยังไง 555555
ผมสรุปขั้นตอนไว้ในคลิปนี้นะครับ ยาวหน่อยครับ อยากให้เห็นบรรยากาศ ครับผม
มื้อแรกที่หาร้านทานเองในซาปา
ก่อนไปเช็คอินที่โรงแรม เราควรจะต้องทานข้าวมื้อกลางวันก่อน ระหว่างเดินกลับมาทางโรงแรม ก็หันไปเห็นร้านอาหารแห่งหนึ่งบริเวณหัวมุมก่อนเลี้ยวไปทางโรงแรม มีตู้กระจกแล้วใส่ถาดอาหารคล้ายกับร้านข้าวแกงบ้านเรา (ไม่ได้ถ่ายรูปมา) จึงเดินเข้าไปชะโงกดู เจ้าของร้าน (อาเจ๊) เห็นเราเดินมาก็กุลีกุจอเข้ามาทักทาย เชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งด้านในร้านด้วยภาษาอังกฤษในระดับสื่อสารประกอบท่าทาง
เรามองเห็นในร้านมีหนุ่มสาวเวียดนามนั่งทานจิ้มจุ่ม (กระทะร้อนวางอยู่) เลยถามเจ้าของร้านว่านั่นอะไร เธอตอบว่า Hotpot แล้วนำเสนอเมนูแล้วชี้ไปที่รูปซึ่งเป็นภาษาเวียดนาม แต่มีราคาประกอบชัดเจน เขียนว่า 400,000 – 800,000 VND ผมสั่งแค่ชุดเล็กครับ คือ 400,000 VND (คูณด้วย 0.0015 จะเป็นเงินไทย)
ใช้เวลาสักพัก พนักงานเสริฟก็ยกหม้อที่มีน้ำซุปปรุงแล้วมา 1 หม้อ ผักใบเขียวจานโต เห็ดเข็มทอง เต้าหู้ มันเทศ แล้ว ก็มีเนื้อวัว หมู ไก่ (ซึ่งครอบครัวเราไม่ทานเนื้อ แต่อาเจ๊แกยกมาแล้ว วันนี้ก็เลยทานครับ กลัวโดนคนเวียดนามดุ) รสชาติและหน้าตาเป็นยังไงเหรอครับ ดูจากคลิปแล้วกันครับ
ทานอิ่มแล้วก็ชำระหนี้กันไปตามระเบียบ จัดว่าอิ่มครับ แล้วก็เดินมาเพื่อเช็คอินเข้าที่พัก เมื่อพนักงานเห็นเราเดินเข้าไปยังล็อบบี้ก็รีบนำกุญแจมาให้แล้วบอกว่าห้องคุณอยู่ชั้น 5 วิวภูเขา ตามที่จองนะครับ (จะบอกว่าชั้น 5 คือชั้นที่เราเดินจากถนนเข้ามาล็อบบี้ นี่เรายืนอยู่ชั้น 5 นะ เพราะห้องพักต้องเดินเข้าไปด้านหลัง สรุปง่าย ๆ ก็คือ โรงแรมอยู่บริเวณหน้าผาประมาณนั้น 5555) ไม่ได้ถ่ายรูปห้องไว้เลยครับ เพราะทันทีที่เข้าห้องทุกคนก็ทิ้งตัวลงบนเตียง จึงเป็นภาพที่ไม่เหมาะจะถ่ายแล้วครับ แต่สรุปคือ เป็นไปตามภาพที่เห็นใน Booking.com เลยครับ ทั้งห้องน้ำ เตียงนอน ระเบียง วิวภูเขา บนเตียงมีแผ่น Heater ให้ความอบอุ่นเวลาหน้าหนาวด้วยนะครับ
ปลั๊กไฟที่ซาปา
ทุกทริปเวลาเดินทาง ผมจะนำปลั๊กไฟพ่วงไปด้วย เพราะห้องพักในโรงแรมส่วนมากจะมีปลั๊กไฟเพียงจุดเดียว หรือไกลจากที่เราสะดวก และผมก็อ่านรีวิวมาเรียบร้อยว่า ปลั๊กไฟที่เวียดนามเหมือนบ้านเรา ก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องใด ๆ เลยครับ นำมาแต่ปลั๊กพ่วง ปรากฎว่าห้องพักที่นี่มีปลั๊กไฟที่ผมนับได้ 8 ปลั๊กด้วยกัน แต่เป็นปลั๊ก 2 ขา
แต่ว่า…………ปลั๊กพ่วง อุปกรณ์กล้อง และคอมพิวเตอร์ของผม เป็นปลั๊กสามขาทุกอัน เลยส่งลูกสาวไปทดสอบภาษาอังกฤษหลังจากที่เสียเงินส่งให้เรียนหลักสูตร IEP โดยให้ไปขอยืมปลั๊กแปลงจาก 3 ขา เป็น 2 ขา กับพนักงานโรงแรม ใช้เวลาไม่นานลูกสาวคนเก่งของผมก็กลับมาพร้อมปลั๊กแปลง ก็เลยออกปากชมไปว่าเก่งจังเลย หนูพูดว่าอะไร ลูกสาวบอกว่าหยิบปลั๊กพ่อไป แล้วโชว์ให้เค้าดู แล้วชี้อย่างเดียว พนักงานก็ตอบว่า ok (เฮ้ออออออ คุ้มกับที่ส่งเรียนมั้ยเนี่ย)
ซาปา ช่วงเวลาเย็น
17.00 โดยประมาณ ก็ออกมาเดินเที่ยวในเมืองซาปา ตั้งใจว่าจะเดินดูจุดขึ้นรถของ Sapa Express ที่เราจองไว้ในวันที่ 15 เมษายน ช่วงเช้าเพื่อกลับฮานอย (จะได้ไม่กังวลมาก เพราะรถออก 7 โมงเช้า) เราเดินผ่านลานกิจกรรมที่เวลานี้เต็มไปด้วยผู้คน ออกมาเล่นกีฬา (ไม่ได้ถ่ายภาพไว้อีก เพราะมัวแต่เดิน) เดินจนถึงจุดขึ้นรถบริเวณข้างสระน้ำใหญ่ แวะถ่ายรูปวิวเมืองไปเรื่อย ๆ เดินวนกลับมาที่ลานกิจกรรม แวะกินกาแฟกับขนมเค็กที่ร้าน Le Gecko Cafe เหตุผลแค่ ขนมที่โชว์ในตู้น่ากินมาก ราคาก็ไม่แพง เด็ก ๆ ก็เลยขอจัดซักหน่อย
ปิดท้ายวันนี้ด้วยการเดินเที่ยวตลาดที่จัดขึ้นบริเวณรอบลานกิจกรรม (วันนี้เสาร์ แต่วันอาทิตย์ไม่มีครับ) แม่ค้าบางคนพูดภาษาไทยได้ บอกราคาสินค้าเป็นภาษาไทย และรับเงินไทยด้วยครับ เราเลยใช้เวลานี้เดินเที่ยวเก็บบรรยากาศยามเย็นมาให้ทุกคนได้ดูกันครับ แล้วเราก็เดินกลับเข้าที่พัก เพื่ออาบน้ำพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เช้า (14 เมษายน 2562) เราจะเดินไปหมู่บ้าน กั๊ต กั๊ต (CAT CAT Village) กันนะครับ
ก่อนนอนวันนี้ถ่ายภาพวิวจากระเบียงห้องโรงแรมยามค่ำคืนมาฝากครับ
พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวหมู่บ้านกั๊ต กั๊ต (CAT CAT Village) ติดตามการท่องเที่ยวของเราด้านล่างครับ
Booking.com
ตอนที่ 3 เดินทางไปหมู่บ้าน กั๊ต กั๊ต (CAT CAT Village)